วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ข้อเสนอแนะในการนำเสนอ (Productivity Improvement) 27/06/11

นักศึกษาที่รักครับ

การนำเสนอเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิตของเราได้

วันนี้ (27 มิ.ย. 54) มีการนำเสนองานค้นคว้าเบื้องต้นในรายวิชา การเพิ่มผลผลิตในการทำงาน ของนักศึกษาหมู่เรียน วท.บ. 3.32 ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ครับ

กลุ่มแรก กลุ่มสตรีทอผ้าบ้านคำขวาง
- การนำเสนอยังเป็นแบบ "อ่านสไลด์" ให้อาจารย์ฟัง ซึ่งขาดความเร้าใจและืถือเป็นการดูถูกผู้ฟัง (ผู้ฟังอ่านหนังสือภาษาไทยออก...ไม่จำเป็นต้องมาอ่านให้ฟัง)
- การทำสไลด์นำเสนอยังไม่ดี มีการเขียนตัวหนังสือประมาณ 12 บรรทัดอัดกันเข้าไปในสไลด์หน้าเดียว
- การเลือกใช้สีของตัวอักษรและพื้นหลังทำได้ดี (อักษรสีเหลือง พื้นสีน้ำเงินเข้ม)
- มีการใช้สัญลักษณ์ของ Flow Process Chart ที่ไ่ม่ถูกต้องตามมาตรฐาน ASME
- ไม่มีการแบ่งกลุ่มของผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจน คำว่า "เสื้อสำเร็จรูป" นั้นสามารถแบ่งออกได้อีกหลายแบบ เช่น เสื้อบุรุษ, เสื้อสตรี, ชุดสตรี
- สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว เมื่อไม่ได้จำแนกประเภทให้ชัดเจนทำให้ไม่สามารถระบุต้นทุนในการผลิตของแต่ละประเภทผลิตภัณฑฺ์

กลุ่มที่สอง กลุ่มผลิตภัณฑ์ไผ่-ทางมะพร้า่ว
- งานเหมือนเป็นงานฝีมือ เนื่องจากผลิตเพียงเดือนละ 60-70 ชิ้นต่อเดือน อาจมีความยากลำบากต่อการเก็บข้อมูลทำรายงานตลอดทั้่งเทอม
- การทำสไลด์นำเสนอยังไม่ดี มีการเขียนตัวหนังสือประมาณ 12 บรรทัดอัดกันเข้าไปในสไลด์หน้าเดียว
- แนะนำให้เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ / เลือกกลุ่มใหม่ที่มีการผลิตต่อเนื่องทุกวัน

กลุ่มที่สาม เครื่องปั้นดินเผาตำบลปทุม
- การทำสไลด์นำเสนอยังไม่ดี มีการเขียนตัวหนังสือประมาณ 12 บรรทัดอัดกันเข้าไปในสไลด์หน้าเดียว
- ต้องระบุให้ครบว่ากลุ่มมีผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง
- มีการใช้สัญลักษณ์ของ Flow Process Chart ที่ไ่ม่ถูกต้องตามมาตรฐาน ASME
- ให้คิดต้นทุนต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ (ถ้วย 1 ชิ้นจะมีต้นทุนรวมเท่าใด?)

กลุ่มที่สี่ กลุ่มทอเสื่อผือและแปรรูปผลิตภัณฑ์บ้านกุดกะเสียน หมู่ 11
- มีการเล่าเรื่องและเปิดการนำเสนอได้น่าสนใจ แต่ควรซักซ้อมการนำเสนอให้มากกว่านี้
- มีคำผิดค่อนข้างเยอะ
- ควรปรับปรุงการเขียน flow ให้ถูกต้อง
- แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก อบต. แต่ก็ต้องคิดต้นทุนออกมาให้ได้
- ให้ปรับปรุงรูปเล่มรายงาน

----------------------------------------------------------------
ให้แต่ละกลุ่มแก้ไขรูปเล่มรายงานและนำเสนอใหม่ในวันที่ 7 ก.ค. 54 โดยให้มีหัวข้อเพิ่มเติมดังนี้
1) PQ Analysis
2) PP Matrix
3) Waste Walk
4) Unit Cost (DM+DL+OH)

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อ.นัทงดการเรียนการสอนทุกวิชา 14-18 มิ.ย. 53

นักศึกษาที่รักทุกท่านครับ

เนื่องจากอาจารย์ต้องไปราชการที่กรุงเทพมหานครในระหว่างวันที่ 14-18 มิ.ย. 53 จึงของดเรียนวิชาต่อไปนี้

- สถิติในงานอุตสาหกรรม Section A,B และ C
- เศรษฐศาสตร์วิศวกรรม
- การเพิ่มผลผลิตในงานอุตสาหกรรม

วัน-เวลาในการชดเชยจะแจ้งให้นักศึกษาทราบอีกครั้งหนึ่ง

ขออภัยในความไม่สะดวกครับ

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ยินดีต้อนรับสู่ภาคเรียนที่ 1/2553

สวัสดีครับ

เว็บบล็อกนี้เป็่นช่องทางการสื่อสารระหว่างอาจารย์กับนักศึกษาที่ลงทะเีบียนเรียนเทอม 1/2553 ในวิชาต่อไปนี้ครับ

- 5671105 สถิติเพื่อการจัดการอุตสาหกรรม
-5672401 เศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมและทฤษฎีต้นทุน
- 5672203 การเพิ่มผลผลิตในงานอุตสาหกรรม
- 5514503 การเพิ่มผลผลิตในงานอุตสาหกรรม

ถ้าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงห้องเรียนหรือเวลาเรียนใดๆ อาจารย์จะมาประกาศไว้ ณ ที่นี้ (อีกส่วนหนึ่งจะพิมพ์ใส่กระดาษแล้วแปะไว้หน้าห้องพักอาจารย์นะครับ)

หากนักศึกษามีคำถามอะไรก็สามารถฝากคำถามไว้ได้ที่นี่เ่ช่นกัน

แล้วเจอกันในคาบเรียนครับ

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

บทเรียนจากดูงาน : ว่าด้วยการจัดการศึกษาดูงาน

การศึกษาดูงาน หรือ Study Trip นั้นมีความต่างจากการทัศนศึกษาหรือการท่องเที่ยว ทั้งนี้เนื่องจากการศึกษาดูงานนั้นมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่าเป็นการเดินทางเพื่อการศึกษา ดังนั้นภายหลังจากการศึกษาดูงาน นักศึกษาก็ควรจะมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งต่างๆ มากขึ้น

การศึกษาดูงานจึงเป็น "ส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน" มิใช่กิจกรรมเพื่อไปท่องเที่่ยวเฮฮาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมการศึกษาดูงานในแต่ละที่ก็ต่างกันออกไป นักศึกษาบางคนที่มาจากบางสถาบันก็อาจจะยึดติดกับการศึกษาดูงานในรูปแบบนั้นๆ ทำให้เกิด "ความคาดหวัง" ต่อการศึกษาดูงานที่เราจะได้จัดขึ้น และเมื่อความคาดหวังนั้นไม่ได้รับการตอบสนองก็จะเกิดการผิดหวัง และนำไปสู่การเกิดพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ได้

การจัดการศึกษาดูงานจึงต้องรักษาสมดุลระหว่างความสนุกจากการเดินทางและความรู้ที่นักศึกษาจะได้รับตลอดจนช่วงเวลาส่วนตัวหรือเวลาพักผ่อนตามอัธยาศัยนั้นก็ต้องมีการจัดแบ่งอย่างเหมาะสมด้วย

ข้อสังเกตต่อไปนี้ เป็นข้อสังเกตที่ได้จากการศึกษาดูงานในปีการศึกษา 2553 ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 10 - 13 มกราคม 2553 โดยจัดให้มีการดูงานในสามบริษัทคือ บ.โตโยต้ามอเตอร์ส (ประเทศไทย) โรงงานบ้านโพธิ์, บ.มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสทรี นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และ บ.ไทยเพรสซิเดนท์ฟู้ดส์ ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒนพิบูล ศรีราชา

------------------------------------------------------------------
1. การศึกษาดูงานควรจัดในแบบ Small Group (ไม่เกิน 50 คนต่อกลุ่ม) เพื่อความสะดวกในการจัดหารถ, จัดหาที่พัก และจัดหาที่รับประทานอาหาร ตลอดจนสะดวกต่อสถานประกอบการที่ไปศึกษาดูงานด้วย

2. อย่างไรก็ตามการจัดนักศึกษาทั้งหมดไปดูงานในช่วงเวลาเดียวกันนับเป็นข้อดีต่อการจัดการเรียนการสอนในภาพรวม (นศ.ไม่อยู่ อาจารย์ก็ไม่อยู่พร้อมๆ กัน)

3. ควรจัดให้ดูงานเพียง 1 โรงงานต่อวัน หรือหากจะจัดให้มากกว่านั้น โรงงานที่สองควรอยู่ห่างจากโรงงานแรกไม่เกิน 10 กิโลเมตร

4. กำหนดการต้องชัดเจน และต้องมีการระบุเวลาอย่างชัดเจน

5. ควรมีผู้นำ Trip ซึ่งทำหน้าที่รักษาเวลา โดยผู้นำทริปควรมีเบอร์โทรศัพท์ของทุกคน (รวมเบอร์พนักงานขับรถด้วย)

6. ที่พักควรจัดให้สบายที่สุดในราคาประหยัดพอสมควร อาจารย์ พนักงานขับรถและนักศึกษาควรพักที่เดียวกัน เพื่อลดความคับข้องใจ สถานตากอากาศและพักฟื้นตำรวจ บางละมุง นับเป็นสมรภูมิที่ดีในการพักเนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก อย่างไรก็ตามอาหารที่นี่ราคาสูงพอสมควร

7. การดูงานควรจะเสร็จสิ้นก่อน 15.00 น. และกลับถึงที่ัพักไม่เกิน 17.00 น. เพื่อให้มีเวลาพักผ่อนตามอัธยาศัย

8. ควรมีการสรุปการศึกษาดูงานในแต่ละวัน โดยอาจแบ่งเป็นกลุ่มย่อย และให้กลุ่มย่อยมานำเสนอต่อกลุ่มใหญ่

9. เพื่อให้การดูงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรจัดกลุ่มการนำเสนอตั้งแต่ก่อนไป และให้นักศึกษาค้นคว้าข้อมูลไปก่อน และตั้งคำถามที่สำคัญไปให้ได้มากที่สุด

10. การดูงานในบริษัทใหญ่ๆ ที่มีชื่อเสียงมักจะได้รับแต่ "สิ่งที่บริษัทฯต้องการให้เรารู้" แต่จะไม่ค่อยได้ "สิ่งที่เราอยากรู้เกี่ยวกับบริษัทฯ"

11. แจ้งให้นักศึกษาทราบตั้งแต่ก่อนออกดูงานถึงวัตถุประสงค์หลักของการศึกษาดูงาน

12. ห้ามกินเหล้าบนรถ และอย่าให้ความสำคัญกับการกินเหล้ามากกว่าการเรียนรู้จากการศึกษาดูงาน

13. นักศึกษาควรเป็นผู้ประสานงานที่พัก ส่วนอาจารย์ควรเป็นผู้ประสานงานโรงงาน

14. การจัดผู้เข้าพัก ควรจัดตั้งแต่จองที่พักได้ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้าพัก

15. อาจารย์ควรปรึกษากำหนดการดูงานในโรงงานกับผู้ประสานงานอย่างละเอียด เช่น ต้องเข้าถึงโรงงานกี่โมง? เข้าประตูไหน? ติดต่อใคร? บรรยายกี่โมง? เดินชมโรงงานกี่โมง? มอบของที่ระลึกอย่างไร?

16. ควรให้นักศึกษาพกบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งในการจัดการศึกษาดูงานในครั้งต่อไปหากมีการนำไปปรับใช้ ก็คาดว่าจะ่ช่วยลดปัญหาต่างๆ ลงไปได้อย่างมาก


วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เตรียมตัวหางานอย่างไรกันดี? (ตอนที่ 1)

ปี 4 ทั้งหลายเริ่มหางานกันได้แล้วนะครับ ถ้าคุณรอให้จบก่อน รอให้ transcript ออกก่อน รอโน่นรอนี่ เดี๋ยวก็มีข้ออ้างว่าเรียนมาทั้งชีวิตแล้วเหนื่อยเหลือเกินขอเที่ยวสักสองสามเดือนก่อนค่อยหางาน

อาจารย์กลัวเหลือเกินว่าอาจจะได้ "เที่ยว" ต่อไปเป็นปีๆ

ย้ำอีกครั้งนะครับว่านักศึกษาโชคไม่ดีที่จบออกไปในช่วงวิกฤติ (สุดๆ) ช่วงนี้แรงงานในตลาดมีมากเหลือเกิน ทั้งจากแรงงานในระบบที่โรงงานปิดกิจการไป (มีประสบการณ์) และแรงงานจบใหม่จากสถาบันชั้นนำในประเทศ (มีชื่อชั้น) ยิ่งถ้านักศึกษารีๆรอๆ ไม่รีบหางาน พอเดือนมีนาคม-เมษายน แรงงานจบใหม่จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเป็นแสนๆ คนจะทะลักเข้าสู่ตลาดแรงงาน

ระหว่าง "บักหล่า" จากเมืองอุบล กับ "วิศวกร" จากเมืองกรุง นักศึกษาคิดว่านายจ้างจะเลือกใครครับ?

...............................................................................................................

ถ้าคิดได้ดังนั้น เราก็มาเตรียมตัวหางานกันดีกว่าครับ อาจารย์ขออนุญาตสรุปเป็นข้อๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ครับ

1. เตรียมเอกสาร เอกสารทั่วไปที่ต้องใช้ในการสมัครงานได้แก่ transcript , หนังสือรับรองว่าเป็นนักศึกษาปีสุดท้าย(กรณีที่ยังเรียนไม่จบ), สำเนาบัตรประชาชน,สำเนาใบขับขี่,สำเนาทะเบียนบ้าน,ใบแสดงว่าพ้นภาระทางการทหารแล้ว,ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล(ถ้ามี),สำเนาวุฒิบัตรที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตำแหน่งงาน,ใบผ่านงาน (ถ้ามี)

2. เขียน resume หรือประวัติส่วนตัว นักศึกษาสามารถดูหลักการและเทคนิคในการเขียน Resume ได้ที่นี่ครับ ==>http://www.nationejobs.com/content/tiptools/howto/resume.php

3. ทำความคุ้นเคยและ "หัด" กรอกใบสมัครงาน อย่าคิดว่าง่ายๆ กล้วยๆ ไปลองเขียนจริงเลย! ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตายนะครับ ส่วนมากใบสมัครจะหน้าตาแบบนี้ ==> http://www.baycoms.com/documents/Application.doc

4. บางครั้งใบสมัครอาจเป็นภาษาอังกฤษ จงเตรียมพร้อมและทำความรู้จักกับศัพท์ที่ใช้ในการสมัครงาน ลองไปดูที่นี่ครับ เค้ารวบรวมเอาไว้พอสมควร ==> http://community.thaiware.com/index.php?showtopic=217840

5. จัดเอกสารต่างๆ ไว้เป็นชุดๆ ใส่ซองแยกไว้ ควรมีสต๊อกประมาณ 5-10 ซอง

สำหรับตอนนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน ตอนหน้าจะมาว่ากันถึงการหางาน หางานยังไง? หาที่ไหน? จบแล้วจะไปทำงานอะไรได้บ้าง? ฯลฯ

วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ทำดีวันปีใหม่

ขณะที่อาจารย์กำลังเขียน blog นี้อยู่ เหลือเวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะเข้าสู่ปีพ.ศ. 2552 แล้วครับ

ตอนเด็กๆ อาจารย์เชื่อว่าถ้าเราทำตัวอย่างไรในตอนต้นปีแล้วละก็ ปีนั้นทั้งปีเราก็จะเป็นแบบนั้น (ประมาณว่าโดนคำสาปของวันปีใหม่เข้าให้) เช่นถ้าเราตื่นแต่เช้ารับวันใหม่ของปีใหม่ แล้วลุกขึ้นมาอ่านหนังสือด้วยความขยันขันแข็ง ปีนั้นเราก็จะเป็นคนขยัน แต่ถ้าเราขี้เกียจนอนตื่นสายทำตัวเหลวไหลไร้สาระ ปีนั้นทั้งปีเราก็จะไร้สาระ

จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้คงไม่ใช้คำสาปอะไรหรอกครับ เป็นเรื่องของการสร้างแรงจูงใจที่จะทำความดีของตัวเองมากกว่า

การถือเอาวันขึ้นปีใหม่เป็นฤกษ์ดีในการทำอะไรดีๆ หรือละเว้นอะไรที่มันเลวๆ เป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตนักศึกษานะครับ

----------------------------------------------------------------------

ปีใหม่นี้ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาลให้นักศึกษาและครอบครัวมีความสุขความเจริญ มีชีวิตที่มีสติ ไม่ลุ่มหลง ไม่มัวเมา และไม่ตกเป็นเครื่องมือในทางการเมืองของใครต่อใคร ปีหน้าจะเป็นปีที่ยากลำบากมาก ขอให้ดำเนินชีวิตแบบพอเพียง(จริงๆ) จะซื้อข้าวของอะไรก็ลองพิจารณาดูก่อนว่าของเก่ายังพอซ่อมแซมแล้วนำกลับมาใช้ได้ไหม? ลดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยลงบ้าง (เช่นค่าเหล้าและค่ามิกซ์เซอร์) และพยายามช่วยทางบ้านประหยัดให้มากๆ นะครับ

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วิกฤตเศรษฐกิจ 2552+

ห่างหายจากการเขียน blog นี้มานานพอสมควร เพราะมัวแต่ยุ่งๆ กับการทำเว็บไซต์ของสาขาวิชาอยู่ พอดีวันนี้นศ.ท่านหนึ่งมาบอกว่าอาจารย์ทำ blog ตายมานานแล้วนะครับ ก็เลยได้ฤกษ์มาเขียนซะที

เอาเป็นว่า ต่อไปนี้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเรียน เช่น สไลด์, เอกสารประกอบการสอน, Assignment อะไรต่างๆ นานา นักศึกษาไปโหลดได้จากเว็บไซต์ของสาขาวิชานะครับ (http://www.imtubru.com/)

ส่วน blog นี่ก็เอาไว้อ่านแก้เหงาละกัน อาจารย์ก็เอาไว้เขียนแก้เหงาเหมือนกัน (อิอิ)

...........................................

สิบกว่าปีก่อน (2540) อาจารย์กำลังจะจบปริญญาตรีในภาวะที่คล้ายๆ กับที่เราจะเผชิญในปีหน้าและปีโน้นแหละครับ

สำหรับนักศึกษาที่จบในปีการศึกษานี้ (2551) คงต้องบอกให้ "ทำใจ" กับภาวะการหางานทำที่ค่อนข้างยากยิ่งในปีหน้า

งานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหายากจริงๆ นะครับ เพื่อนๆ ของอาจารย์สมัยนั้น แม้แต่คนที่จบเกียรตินิยม (วิศวกรรมศาสตร์) ยังหางานทำอยู่เป็น 2-3 เดือนเลยทีเดียว!!

ทำใจเสร็จแล้วก็อย่าเครียดครับ คิดซะว่าโอกาสในหางานได้นั้นน้อยกว่าโอกาสที่จะตกงานแน่ๆ แต่อย่าท้อถอยหรือคิดว่าจะอยู่เฉยๆ นะครับ เพราะการไม่หางานนั่นหมายถึงโอกาสได้งานเป็นศูนย์ในทันที

อาจารย์มีทางเลือกสำหรับบัณฑิตที่จะจบใหม่ในช่วงปีนี้มาฝากดังนี้ครับ

1. เพิ่มมูลค่าให้กับตนเอง - เมื่อบัณฑิตจบใหม่ที่ไม่ได้งานมีปริมาณมากมายอื้ออึงแบบนี้ วิธีการที่จะหนีจากการเป็นปลาในกาละมังที่รอให้นายจ้างมาเลือกไปนั้นคือต้องเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองครับ การเพิ่มมูลค่าทำได้หลายแบบเช่น เรียนภาษาเพิ่มเติมแล้วไปสอบพวก TOEIC หรือข้อสอบกลางของภาษานั้นๆ ไว้, เรียนคอมพิวเตอร์, เรียนวิชาชีพด้านทักษะเชิงช่าง เช่นช่างเย็บจักรอุตสาหกรรม,ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ฯลฯ

2. เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น - ข้อนี้ไม่ค่อยอยากแนะนำ แต่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเช่นกัน จริงๆ แล้วปริญญาโทถ้าได้มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนจะเรียนได้ click มากๆ จริงๆ นะครับ

3. เรียนปริญญาที่สอง - แม้ว่าบัณฑิตส่วนใหญ่จะตกงาน แต่เชื่อไหมครับว่าบัณฑิตกลุ่มหนึ่งก็ไม่เคยตกงานและยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะเรามักจะเลือกเรียนในวิชาอะไรก็ได้ง่ายๆ เช่น บริหารธุรกิจ นิเทศศาสตร์ การจัดการ นิติศาสตร์ ฯลฯ ถ้าสู้ไหวอาจารย์แนะนำให้ไปเรียนอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของม.สุโขทัยธรรมาธิราชต่ออีก 2 ปี จบมาได้เป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยวิชาชีพเงินเดือนสูงลิบเชียวนะครับ หรือบางคนอยากเป็นครูก็สามารถเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพครูต่ออีก 1 ปีได้เช่นกัน

4. เรียนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นเพื่อทำธุรกิจเล็กๆ - นักศึกษาต้องก้าวข้ามผ่านศักดิ์ศรีบ้าๆ บอๆ ที่ว่าชั้นจบปริญญาตรีมาแล้วทำงาน "ต่ำๆ" ไม่ได้ไปก่อนนะครับ จำไว้ว่าไม่มีงานไหนหรอกครับที่มันต่ำ งานทุกงานมีเกียรติและมีศักดิ์ศรีของตนเองทั้งนั้น นักศึกษาอาจเลือกที่จะเข้าคอร์สฝึกอบรมทำขนม, ทำอาหาร, ชงกาแฟ, ซ่อมรองเท้า, ทำกุญแจ แล้วเริ่มลงทุนทำร้านเล็กๆ (คาดว่าปีหน้ารัฐบาลน่าจะสนับสนุนเงินกู้ผ่านธนาคารออมสินในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท) งานพวกนี้ใช้ความขยันและอัธยาศัยที่ดีของนักศึกษาครับ ไม่แน่ว่าอนาคตลูกศิษย์อาจารย์อาจเป็นนักธุรกิจใหญ่ก็ได้..ใครจะรู้!

5. กลับไปพัฒนาท้องถิ่น - นักศึกษาอาจจะกลับไปอยู่บ้าน แล้วดูว่างานเกษตรกรรมหรืองานใดๆ ที่ครอบครัวของเราทำอยู่นั้นยังมีความสูญเปล่า (Waste) อยู่ในระบบหรือไม่? และพยายามกำจัดมันโดยใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา วิธีนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อนักศึกษาเป็นที่ยอมรับพอสมควรสำหรับคนในบ้าน ไม่อย่างงั้นพูดอะไรไป หรือจะทดลองปรับปรุงอะไรก็จะไม่มีใครเชื่อ อาจแก้ได้โดยขอพ่อ-แม่ลองทำแล้วให้พิสูจน์ที่ผลของงานซึ่งถ้าออกมาดีจริงๆ นักศึกษาอาจได้รับการยอมรับในระดับชุมชนเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่จบใหม่ๆ อาจาร์ยอยากให้ลองหางานอย่างเต็มความสามารถสัก 2-3 เดือนดูก่อนนะครับ ช่วงวิกฤตแบบนี้หากได้งานที่เงินเดือนไม่สูงนักแต่ก็พออยู่ได้ก็ขอให้อดทนทำไปก่อนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพราะเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นเราก็จะมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นไปเองครับ

ขอให้นักศึกษาทุกคนโชคดีครับ!