ขณะที่อาจารย์กำลังเขียน blog นี้อยู่ เหลือเวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะเข้าสู่ปีพ.ศ. 2552 แล้วครับ
ตอนเด็กๆ อาจารย์เชื่อว่าถ้าเราทำตัวอย่างไรในตอนต้นปีแล้วละก็ ปีนั้นทั้งปีเราก็จะเป็นแบบนั้น (ประมาณว่าโดนคำสาปของวันปีใหม่เข้าให้) เช่นถ้าเราตื่นแต่เช้ารับวันใหม่ของปีใหม่ แล้วลุกขึ้นมาอ่านหนังสือด้วยความขยันขันแข็ง ปีนั้นเราก็จะเป็นคนขยัน แต่ถ้าเราขี้เกียจนอนตื่นสายทำตัวเหลวไหลไร้สาระ ปีนั้นทั้งปีเราก็จะไร้สาระ
จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้คงไม่ใช้คำสาปอะไรหรอกครับ เป็นเรื่องของการสร้างแรงจูงใจที่จะทำความดีของตัวเองมากกว่า
การถือเอาวันขึ้นปีใหม่เป็นฤกษ์ดีในการทำอะไรดีๆ หรือละเว้นอะไรที่มันเลวๆ เป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตนักศึกษานะครับ
----------------------------------------------------------------------
ปีใหม่นี้ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาลให้นักศึกษาและครอบครัวมีความสุขความเจริญ มีชีวิตที่มีสติ ไม่ลุ่มหลง ไม่มัวเมา และไม่ตกเป็นเครื่องมือในทางการเมืองของใครต่อใคร ปีหน้าจะเป็นปีที่ยากลำบากมาก ขอให้ดำเนินชีวิตแบบพอเพียง(จริงๆ) จะซื้อข้าวของอะไรก็ลองพิจารณาดูก่อนว่าของเก่ายังพอซ่อมแซมแล้วนำกลับมาใช้ได้ไหม? ลดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยลงบ้าง (เช่นค่าเหล้าและค่ามิกซ์เซอร์) และพยายามช่วยทางบ้านประหยัดให้มากๆ นะครับ
วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551
วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551
วิกฤตเศรษฐกิจ 2552+
ห่างหายจากการเขียน blog นี้มานานพอสมควร เพราะมัวแต่ยุ่งๆ กับการทำเว็บไซต์ของสาขาวิชาอยู่ พอดีวันนี้นศ.ท่านหนึ่งมาบอกว่าอาจารย์ทำ blog ตายมานานแล้วนะครับ ก็เลยได้ฤกษ์มาเขียนซะที
เอาเป็นว่า ต่อไปนี้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเรียน เช่น สไลด์, เอกสารประกอบการสอน, Assignment อะไรต่างๆ นานา นักศึกษาไปโหลดได้จากเว็บไซต์ของสาขาวิชานะครับ (http://www.imtubru.com/)
ส่วน blog นี่ก็เอาไว้อ่านแก้เหงาละกัน อาจารย์ก็เอาไว้เขียนแก้เหงาเหมือนกัน (อิอิ)
...........................................
สิบกว่าปีก่อน (2540) อาจารย์กำลังจะจบปริญญาตรีในภาวะที่คล้ายๆ กับที่เราจะเผชิญในปีหน้าและปีโน้นแหละครับ
สำหรับนักศึกษาที่จบในปีการศึกษานี้ (2551) คงต้องบอกให้ "ทำใจ" กับภาวะการหางานทำที่ค่อนข้างยากยิ่งในปีหน้า
งานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหายากจริงๆ นะครับ เพื่อนๆ ของอาจารย์สมัยนั้น แม้แต่คนที่จบเกียรตินิยม (วิศวกรรมศาสตร์) ยังหางานทำอยู่เป็น 2-3 เดือนเลยทีเดียว!!
ทำใจเสร็จแล้วก็อย่าเครียดครับ คิดซะว่าโอกาสในหางานได้นั้นน้อยกว่าโอกาสที่จะตกงานแน่ๆ แต่อย่าท้อถอยหรือคิดว่าจะอยู่เฉยๆ นะครับ เพราะการไม่หางานนั่นหมายถึงโอกาสได้งานเป็นศูนย์ในทันที
อาจารย์มีทางเลือกสำหรับบัณฑิตที่จะจบใหม่ในช่วงปีนี้มาฝากดังนี้ครับ
1. เพิ่มมูลค่าให้กับตนเอง - เมื่อบัณฑิตจบใหม่ที่ไม่ได้งานมีปริมาณมากมายอื้ออึงแบบนี้ วิธีการที่จะหนีจากการเป็นปลาในกาละมังที่รอให้นายจ้างมาเลือกไปนั้นคือต้องเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองครับ การเพิ่มมูลค่าทำได้หลายแบบเช่น เรียนภาษาเพิ่มเติมแล้วไปสอบพวก TOEIC หรือข้อสอบกลางของภาษานั้นๆ ไว้, เรียนคอมพิวเตอร์, เรียนวิชาชีพด้านทักษะเชิงช่าง เช่นช่างเย็บจักรอุตสาหกรรม,ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ฯลฯ
2. เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น - ข้อนี้ไม่ค่อยอยากแนะนำ แต่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเช่นกัน จริงๆ แล้วปริญญาโทถ้าได้มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนจะเรียนได้ click มากๆ จริงๆ นะครับ
3. เรียนปริญญาที่สอง - แม้ว่าบัณฑิตส่วนใหญ่จะตกงาน แต่เชื่อไหมครับว่าบัณฑิตกลุ่มหนึ่งก็ไม่เคยตกงานและยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะเรามักจะเลือกเรียนในวิชาอะไรก็ได้ง่ายๆ เช่น บริหารธุรกิจ นิเทศศาสตร์ การจัดการ นิติศาสตร์ ฯลฯ ถ้าสู้ไหวอาจารย์แนะนำให้ไปเรียนอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของม.สุโขทัยธรรมาธิราชต่ออีก 2 ปี จบมาได้เป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยวิชาชีพเงินเดือนสูงลิบเชียวนะครับ หรือบางคนอยากเป็นครูก็สามารถเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพครูต่ออีก 1 ปีได้เช่นกัน
4. เรียนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นเพื่อทำธุรกิจเล็กๆ - นักศึกษาต้องก้าวข้ามผ่านศักดิ์ศรีบ้าๆ บอๆ ที่ว่าชั้นจบปริญญาตรีมาแล้วทำงาน "ต่ำๆ" ไม่ได้ไปก่อนนะครับ จำไว้ว่าไม่มีงานไหนหรอกครับที่มันต่ำ งานทุกงานมีเกียรติและมีศักดิ์ศรีของตนเองทั้งนั้น นักศึกษาอาจเลือกที่จะเข้าคอร์สฝึกอบรมทำขนม, ทำอาหาร, ชงกาแฟ, ซ่อมรองเท้า, ทำกุญแจ แล้วเริ่มลงทุนทำร้านเล็กๆ (คาดว่าปีหน้ารัฐบาลน่าจะสนับสนุนเงินกู้ผ่านธนาคารออมสินในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท) งานพวกนี้ใช้ความขยันและอัธยาศัยที่ดีของนักศึกษาครับ ไม่แน่ว่าอนาคตลูกศิษย์อาจารย์อาจเป็นนักธุรกิจใหญ่ก็ได้..ใครจะรู้!
5. กลับไปพัฒนาท้องถิ่น - นักศึกษาอาจจะกลับไปอยู่บ้าน แล้วดูว่างานเกษตรกรรมหรืองานใดๆ ที่ครอบครัวของเราทำอยู่นั้นยังมีความสูญเปล่า (Waste) อยู่ในระบบหรือไม่? และพยายามกำจัดมันโดยใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา วิธีนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อนักศึกษาเป็นที่ยอมรับพอสมควรสำหรับคนในบ้าน ไม่อย่างงั้นพูดอะไรไป หรือจะทดลองปรับปรุงอะไรก็จะไม่มีใครเชื่อ อาจแก้ได้โดยขอพ่อ-แม่ลองทำแล้วให้พิสูจน์ที่ผลของงานซึ่งถ้าออกมาดีจริงๆ นักศึกษาอาจได้รับการยอมรับในระดับชุมชนเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่จบใหม่ๆ อาจาร์ยอยากให้ลองหางานอย่างเต็มความสามารถสัก 2-3 เดือนดูก่อนนะครับ ช่วงวิกฤตแบบนี้หากได้งานที่เงินเดือนไม่สูงนักแต่ก็พออยู่ได้ก็ขอให้อดทนทำไปก่อนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพราะเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นเราก็จะมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นไปเองครับ
ขอให้นักศึกษาทุกคนโชคดีครับ!
เอาเป็นว่า ต่อไปนี้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเรียน เช่น สไลด์, เอกสารประกอบการสอน, Assignment อะไรต่างๆ นานา นักศึกษาไปโหลดได้จากเว็บไซต์ของสาขาวิชานะครับ (http://www.imtubru.com/)
ส่วน blog นี่ก็เอาไว้อ่านแก้เหงาละกัน อาจารย์ก็เอาไว้เขียนแก้เหงาเหมือนกัน (อิอิ)
...........................................
สิบกว่าปีก่อน (2540) อาจารย์กำลังจะจบปริญญาตรีในภาวะที่คล้ายๆ กับที่เราจะเผชิญในปีหน้าและปีโน้นแหละครับ
สำหรับนักศึกษาที่จบในปีการศึกษานี้ (2551) คงต้องบอกให้ "ทำใจ" กับภาวะการหางานทำที่ค่อนข้างยากยิ่งในปีหน้า
งานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหายากจริงๆ นะครับ เพื่อนๆ ของอาจารย์สมัยนั้น แม้แต่คนที่จบเกียรตินิยม (วิศวกรรมศาสตร์) ยังหางานทำอยู่เป็น 2-3 เดือนเลยทีเดียว!!
ทำใจเสร็จแล้วก็อย่าเครียดครับ คิดซะว่าโอกาสในหางานได้นั้นน้อยกว่าโอกาสที่จะตกงานแน่ๆ แต่อย่าท้อถอยหรือคิดว่าจะอยู่เฉยๆ นะครับ เพราะการไม่หางานนั่นหมายถึงโอกาสได้งานเป็นศูนย์ในทันที
อาจารย์มีทางเลือกสำหรับบัณฑิตที่จะจบใหม่ในช่วงปีนี้มาฝากดังนี้ครับ
1. เพิ่มมูลค่าให้กับตนเอง - เมื่อบัณฑิตจบใหม่ที่ไม่ได้งานมีปริมาณมากมายอื้ออึงแบบนี้ วิธีการที่จะหนีจากการเป็นปลาในกาละมังที่รอให้นายจ้างมาเลือกไปนั้นคือต้องเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองครับ การเพิ่มมูลค่าทำได้หลายแบบเช่น เรียนภาษาเพิ่มเติมแล้วไปสอบพวก TOEIC หรือข้อสอบกลางของภาษานั้นๆ ไว้, เรียนคอมพิวเตอร์, เรียนวิชาชีพด้านทักษะเชิงช่าง เช่นช่างเย็บจักรอุตสาหกรรม,ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ฯลฯ
2. เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น - ข้อนี้ไม่ค่อยอยากแนะนำ แต่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเช่นกัน จริงๆ แล้วปริญญาโทถ้าได้มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนจะเรียนได้ click มากๆ จริงๆ นะครับ
3. เรียนปริญญาที่สอง - แม้ว่าบัณฑิตส่วนใหญ่จะตกงาน แต่เชื่อไหมครับว่าบัณฑิตกลุ่มหนึ่งก็ไม่เคยตกงานและยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะเรามักจะเลือกเรียนในวิชาอะไรก็ได้ง่ายๆ เช่น บริหารธุรกิจ นิเทศศาสตร์ การจัดการ นิติศาสตร์ ฯลฯ ถ้าสู้ไหวอาจารย์แนะนำให้ไปเรียนอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของม.สุโขทัยธรรมาธิราชต่ออีก 2 ปี จบมาได้เป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยวิชาชีพเงินเดือนสูงลิบเชียวนะครับ หรือบางคนอยากเป็นครูก็สามารถเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพครูต่ออีก 1 ปีได้เช่นกัน
4. เรียนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นเพื่อทำธุรกิจเล็กๆ - นักศึกษาต้องก้าวข้ามผ่านศักดิ์ศรีบ้าๆ บอๆ ที่ว่าชั้นจบปริญญาตรีมาแล้วทำงาน "ต่ำๆ" ไม่ได้ไปก่อนนะครับ จำไว้ว่าไม่มีงานไหนหรอกครับที่มันต่ำ งานทุกงานมีเกียรติและมีศักดิ์ศรีของตนเองทั้งนั้น นักศึกษาอาจเลือกที่จะเข้าคอร์สฝึกอบรมทำขนม, ทำอาหาร, ชงกาแฟ, ซ่อมรองเท้า, ทำกุญแจ แล้วเริ่มลงทุนทำร้านเล็กๆ (คาดว่าปีหน้ารัฐบาลน่าจะสนับสนุนเงินกู้ผ่านธนาคารออมสินในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท) งานพวกนี้ใช้ความขยันและอัธยาศัยที่ดีของนักศึกษาครับ ไม่แน่ว่าอนาคตลูกศิษย์อาจารย์อาจเป็นนักธุรกิจใหญ่ก็ได้..ใครจะรู้!
5. กลับไปพัฒนาท้องถิ่น - นักศึกษาอาจจะกลับไปอยู่บ้าน แล้วดูว่างานเกษตรกรรมหรืองานใดๆ ที่ครอบครัวของเราทำอยู่นั้นยังมีความสูญเปล่า (Waste) อยู่ในระบบหรือไม่? และพยายามกำจัดมันโดยใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา วิธีนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อนักศึกษาเป็นที่ยอมรับพอสมควรสำหรับคนในบ้าน ไม่อย่างงั้นพูดอะไรไป หรือจะทดลองปรับปรุงอะไรก็จะไม่มีใครเชื่อ อาจแก้ได้โดยขอพ่อ-แม่ลองทำแล้วให้พิสูจน์ที่ผลของงานซึ่งถ้าออกมาดีจริงๆ นักศึกษาอาจได้รับการยอมรับในระดับชุมชนเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่จบใหม่ๆ อาจาร์ยอยากให้ลองหางานอย่างเต็มความสามารถสัก 2-3 เดือนดูก่อนนะครับ ช่วงวิกฤตแบบนี้หากได้งานที่เงินเดือนไม่สูงนักแต่ก็พออยู่ได้ก็ขอให้อดทนทำไปก่อนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพราะเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นเราก็จะมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นไปเองครับ
ขอให้นักศึกษาทุกคนโชคดีครับ!
วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551
คุยกันวันปิดเทอม
สวัสดีครับนักศึกษา
ปิดเทอมแล้ว (จริงๆ ปิดมาหลายวันแล้ว) และหลายๆ คนก็คงจะทราบผลการเรียนของตนเองแล้ว จะดีใจหรือเสียใจก็ให้รู้ว่านั่นเป็นเพราะผลกรรมที่ทำมาตลอดระยะเวลาการเรียนนั่นแหละครับ
ทำตัวเองให้ได้ D จะเรียกร้องหา A หรือ B ก็คงเป็นไปไม่ได้
ไม่เป็นไรครับ อะไรที่ผ่านไปแล้วเราแก้ไขไม่ได้ เปล่าประโยชน์ที่จะไปเครียดกับอดีตที่ไม่ได้งดงามอะไรนัก เก็บไว้เป็นบทเรียนแล้วสู้ต่อไปในเทอม 2/2551 นะครับ
ช่วงปิดเทอมและต้นเทอมหน้ามีกิจกรรมที่นักศึกษาควรรู้ไว้ดังนี้ครับ
13 ตุลาคม 51 - สอบเค้าโครงปริญญานิพนธ์ของนศ.ปี 4 (เฉพาะ วท.บ. 4.23)
24 ตุลาคม 51 - อบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยเบื้องต้น (เลื่อนมาจากวันที่ 16 ต.ค. นะครับ)
27 ตุลาคม 51 - เปิดเทอม / รับใบลงทะเบียนที่อาจารย์ที่ปรึกษา
2 พฤศจิกายน 51 - ปฐมนิเทศประจำภาคการศึกษาที่ 2
3-7 พฤศจิกายน 51- เทศกาล BOOM for PDCA Gear
12 พฤศจิกายน 51 - งานลอยกระทง
19-21 พฤศจิกายน 51 - พิธีซ้อมรับปริญญา (งดการเรียนการสอน-แต่อาจารย์มีกิจกรรมให้ทำครับ)
จะเห็นว่าเรามี "งานเข้า" ตั้งแต่ต้นเทอมเลยนะครับ ช่วงนี้นักศึกษาก็เก็บแรงไว้เยอะๆ เทอมหน้าต้องมาต่อสู้กับการเรียนและกิจกรรมที่เข้มข้นกันต่อไป
ป.ล. ว่างๆ ก็แวะมาที่สาขาฯ ได้นะครับ ปิดเทอมเนี่ยอาจารย์ก็เหงาเหมือนกัน
ปิดเทอมแล้ว (จริงๆ ปิดมาหลายวันแล้ว) และหลายๆ คนก็คงจะทราบผลการเรียนของตนเองแล้ว จะดีใจหรือเสียใจก็ให้รู้ว่านั่นเป็นเพราะผลกรรมที่ทำมาตลอดระยะเวลาการเรียนนั่นแหละครับ
ทำตัวเองให้ได้ D จะเรียกร้องหา A หรือ B ก็คงเป็นไปไม่ได้
ไม่เป็นไรครับ อะไรที่ผ่านไปแล้วเราแก้ไขไม่ได้ เปล่าประโยชน์ที่จะไปเครียดกับอดีตที่ไม่ได้งดงามอะไรนัก เก็บไว้เป็นบทเรียนแล้วสู้ต่อไปในเทอม 2/2551 นะครับ
ช่วงปิดเทอมและต้นเทอมหน้ามีกิจกรรมที่นักศึกษาควรรู้ไว้ดังนี้ครับ
13 ตุลาคม 51 - สอบเค้าโครงปริญญานิพนธ์ของนศ.ปี 4 (เฉพาะ วท.บ. 4.23)
24 ตุลาคม 51 - อบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยเบื้องต้น (เลื่อนมาจากวันที่ 16 ต.ค. นะครับ)
27 ตุลาคม 51 - เปิดเทอม / รับใบลงทะเบียนที่อาจารย์ที่ปรึกษา
2 พฤศจิกายน 51 - ปฐมนิเทศประจำภาคการศึกษาที่ 2
3-7 พฤศจิกายน 51- เทศกาล BOOM for PDCA Gear
12 พฤศจิกายน 51 - งานลอยกระทง
19-21 พฤศจิกายน 51 - พิธีซ้อมรับปริญญา (งดการเรียนการสอน-แต่อาจารย์มีกิจกรรมให้ทำครับ)
จะเห็นว่าเรามี "งานเข้า" ตั้งแต่ต้นเทอมเลยนะครับ ช่วงนี้นักศึกษาก็เก็บแรงไว้เยอะๆ เทอมหน้าต้องมาต่อสู้กับการเรียนและกิจกรรมที่เข้มข้นกันต่อไป
ป.ล. ว่างๆ ก็แวะมาที่สาขาฯ ได้นะครับ ปิดเทอมเนี่ยอาจารย์ก็เหงาเหมือนกัน
วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551
แนวข้อสอบวิชาเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมฯ
ดาวน์โหลดได้ที่นีี่ครับ ---> แนวข้อสอบ
นักศึกษาครับ...
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนะครับ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นเสมอครับ
ขอให้โชคดีัในการสอบครับ
วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551
รายงานวิชาการเพิ่มผลผลิตในงานอุตสาหกรรม 1/2551
วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551
วิศวกรรมคุณค่า
เทคโนเกมส์จบไปแล้วแต่วันนี้อาจารย์ยังซักดินแดงๆ ที่ติดรองเท้ากับกางเกงไม่ออกเลยครับ (ซักมาสองวันแล้วเนี่ย)
วันพุธที่ 13 นี้ สำหรับกรรมการสโมฯ เรามีสรุปงานนะครับ ส่วนชาว IMT คนอื่นๆ ให้ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเลยละกันว่า เมื่อจบงานแล้วก็ต้องมีการประเมินจุดดี-จุดด้อยเพื่อปรับปรุงในปีต่อไป
ภาษาการจัดการอุตฯ เราเรียกว่า Continuous improvement หรือ การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปรัชญาพื้นฐานของวงจร PDCA ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีไงครับ
............................................................
กลับมาที่วิชาการเพิ่มผลผลิตในงานอุตสาหกรรมกันดีกว่า
จริงๆ เรื่องวิศวกรรมคุณค่า (Value Engineering) เนี่ย เค้าเรียนกันเป็นเทอมๆ นะครับ แต่เราแค่อาศัยหลักการของ VA/VE เพื่อนำไปเพิ่ม Productivity ในกระบวนการผลิต โดยไม่แตะเรื่องของการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ (New product design)
เอาเป็นว่าสัปดาห์นี้ก็จะได้ลองทำ VA/VE กันแบบ "คร่าวๆ"
แต่ไม่แน่ว่าไอ้คร่าวๆ เนี่ยก็อาจจะนำไปใช้ในการเพิ่มผลผลิตได้นะครับ
นักศึกษาสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนได้โดยการคลิกที่นี่ครับ
ปล. อ่านเรื่อง Value Engineering เพิ่มเติมได้ ที่นี่ ครับ
(ที่มา: สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม)
วันพุธที่ 13 นี้ สำหรับกรรมการสโมฯ เรามีสรุปงานนะครับ ส่วนชาว IMT คนอื่นๆ ให้ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเลยละกันว่า เมื่อจบงานแล้วก็ต้องมีการประเมินจุดดี-จุดด้อยเพื่อปรับปรุงในปีต่อไป
ภาษาการจัดการอุตฯ เราเรียกว่า Continuous improvement หรือ การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปรัชญาพื้นฐานของวงจร PDCA ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีไงครับ
............................................................
กลับมาที่วิชาการเพิ่มผลผลิตในงานอุตสาหกรรมกันดีกว่า
จริงๆ เรื่องวิศวกรรมคุณค่า (Value Engineering) เนี่ย เค้าเรียนกันเป็นเทอมๆ นะครับ แต่เราแค่อาศัยหลักการของ VA/VE เพื่อนำไปเพิ่ม Productivity ในกระบวนการผลิต โดยไม่แตะเรื่องของการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ (New product design)
เอาเป็นว่าสัปดาห์นี้ก็จะได้ลองทำ VA/VE กันแบบ "คร่าวๆ"
แต่ไม่แน่ว่าไอ้คร่าวๆ เนี่ยก็อาจจะนำไปใช้ในการเพิ่มผลผลิตได้นะครับ
นักศึกษาสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนได้โดยการคลิกที่นี่ครับ
ปล. อ่านเรื่อง Value Engineering เพิ่มเติมได้ ที่นี่ ครับ
(ที่มา: สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม)
วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
Poka-Yoke
Poka-Yoke เป็นเครื่องมือหนึ่งที่อุตสาหกรรมใช้กันอย่างแพร่หลายครับ
คาบนี้อาจารย์จะให้เห็นว่ามี Poka Yoke อยู่กี่ระดับที่เราใช้กัน และจะให้นักศึกษาได้ลองออกแบบ Poka-Yoke ของวิสาหกิจที่เข้าไปศึกษาด้วย
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนได้ที่นี่ -->http://www.savefile.com/files/1697242
ดาวน์โหลดแบบฟอร์มของ Work Instruction ได้ที่นี่ --> http://www.savefile.com/files/1697250
หลังสอบ Mideterm เราจะเน้นไปที่รายงานนะครับ
ความรู้ที่มีต้องเอาไปประยุกต์ใช้ให้เป็นครับ คนที่สอบเก่งอาจจะทำงานไม่เก่ง ซึ่งต้องฝึกครับ
แก้ไขเพิ่มเติมข้อสอบเก่า Poka-Yoke ที่ในสไลด์ไม่ชัดนะครับ --> http://www.savefile.com/files/1705322
คาบนี้อาจารย์จะให้เห็นว่ามี Poka Yoke อยู่กี่ระดับที่เราใช้กัน และจะให้นักศึกษาได้ลองออกแบบ Poka-Yoke ของวิสาหกิจที่เข้าไปศึกษาด้วย
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนได้ที่นี่ -->http://www.savefile.com/files/1697242
ดาวน์โหลดแบบฟอร์มของ Work Instruction ได้ที่นี่ --> http://www.savefile.com/files/1697250
หลังสอบ Mideterm เราจะเน้นไปที่รายงานนะครับ
ความรู้ที่มีต้องเอาไปประยุกต์ใช้ให้เป็นครับ คนที่สอบเก่งอาจจะทำงานไม่เก่ง ซึ่งต้องฝึกครับ
แก้ไขเพิ่มเติมข้อสอบเก่า Poka-Yoke ที่ในสไลด์ไม่ชัดนะครับ --> http://www.savefile.com/files/1705322
วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
Midterm Exam - Productivity
ข้อสอบจะออกอะไร?
1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิต,แนวทางในการเพิ่มผลผลิต 5 แนวทาง
2. หลักการเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น (3T,4Zero,5R,6Step)
3. องค์ประกอบของการเพิ่มผลผลิต (QCDSMEE)
4. การวัดการเพิ่มผลผลิต
5. บทบาทของพนักงาน,หัวหน้างาน,ผู้บริหารต่อการเพิ่มผลผลิต
6. Kaizen กับ Innovation
7. 5ส
8. เครื่องมือคุณภาพ 7 อย่างของ QC
9. Muda / Muri / Mura
10. ระบบบำรุงรักษา (Maintenance System)
11. การเพิ่มผลผลิตโดยฐานเทคโนโลยี
เนื่องจากไม่ใช่วิชาคำนวณ ดังนั้นเพื่อให้สามารถจดจำหลักการต่างๆ ได้ดี นศ.ควรอ่านหนังสืออย่างน้อย 7 รอบขึ้นไป การเล่นปริศนาคำทายกับเพื่อน (เช่น เจ้าฮู้บ่? องค์ประกอบของการเพิ่มผลผลิตมีอิหยัง? อะไรทำนองนี้) จะช่วยได้มากและลดความเบื่อหน่ายในการท่องจำ
ช่วงปิดเทอมน้อย (17-18-19-20) นี้ หากนั่งอ่านหนังสือแล้วไม่เข้าใจ นศ.สามารถเข้ามาสอบถามได้ที่ช่อง "แสดงความคิดเห็น" ใน Blog นี้ครับ (เพื่อนๆ จะได้เห็นด้วย)
อาจารย์จะเข้ามาตอบทุกวัน วันละหลายๆ รอบ
สู้ๆ นะครับ
1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิต,แนวทางในการเพิ่มผลผลิต 5 แนวทาง
2. หลักการเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น (3T,4Zero,5R,6Step)
3. องค์ประกอบของการเพิ่มผลผลิต (QCDSMEE)
4. การวัดการเพิ่มผลผลิต
5. บทบาทของพนักงาน,หัวหน้างาน,ผู้บริหารต่อการเพิ่มผลผลิต
6. Kaizen กับ Innovation
7. 5ส
8. เครื่องมือคุณภาพ 7 อย่างของ QC
9. Muda / Muri / Mura
10. ระบบบำรุงรักษา (Maintenance System)
11. การเพิ่มผลผลิตโดยฐานเทคโนโลยี
เนื่องจากไม่ใช่วิชาคำนวณ ดังนั้นเพื่อให้สามารถจดจำหลักการต่างๆ ได้ดี นศ.ควรอ่านหนังสืออย่างน้อย 7 รอบขึ้นไป การเล่นปริศนาคำทายกับเพื่อน (เช่น เจ้าฮู้บ่? องค์ประกอบของการเพิ่มผลผลิตมีอิหยัง? อะไรทำนองนี้) จะช่วยได้มากและลดความเบื่อหน่ายในการท่องจำ
ช่วงปิดเทอมน้อย (17-18-19-20) นี้ หากนั่งอ่านหนังสือแล้วไม่เข้าใจ นศ.สามารถเข้ามาสอบถามได้ที่ช่อง "แสดงความคิดเห็น" ใน Blog นี้ครับ (เพื่อนๆ จะได้เห็นด้วย)
อาจารย์จะเข้ามาตอบทุกวัน วันละหลายๆ รอบ
สู้ๆ นะครับ
ป้ายกำกับ:
แนวข้อสอบการเพิ่มผลผลิต,
Examination,
Productivity Improvement
วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
เครื่องมือในการช่วยเพิ่มผลผลิตพื้นฐาน 2
วันนี้อาจารย์เหนื่อยครับ
ไม่พิมพ์มากละกัน
อ่ะ..สไลด์อยู่นี่นะเด็กๆ --> http://www.savefile.com/files/1664679
ไม่พิมพ์มากละกัน
อ่ะ..สไลด์อยู่นี่นะเด็กๆ --> http://www.savefile.com/files/1664679
วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
Term paper ของวิชาการเพิ่มผลผลิตในงานอุตสาหกรรมก็ได้เดินทางมาถึงขั้นตอนสำคัญแล้วนะครับ
นั่นคือ ณ วันนี้นักศึกษาน่าจะสามารถชี้ชัดได้แล้วว่ากระบวนใดหรือองค์ประกอบด้านใดของสถานประกอบการที่นักศึกษาเข้าไปทำรายงานนั้นเป็น "จุดอ่อน" ที่ต้องปรับปรุง
อาจารย์ได้ย้ำในคาบเรียนแล้วว่า เมื่อเราทราบว่าจุดอ่อนคืออะไรแล้ว สิ่งที่สำคัญคือนักศึกษาต้องวิเคราะห์เพื่อหา "สาเหตุ" ของจุดอ่อนนั้นๆ ให้ได้
การแก้ปัญหาที่สาเหตุถือเป็นสุดยอดของการแก้ปัญหานะครับ เพราะโอกาสที่ปัญหาจะกลับมาเกิดอีกจะมีน้อยมากๆ
แต่ถ้าเราสักแต่ว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไป มันจะเข้าทำนอง "เกาไม่ถูกที่คัน" นั่นคือนักศึกษาก็จะ "คัน" อยู่ร่ำไป ไม่หายคันสักที
เครื่องมือในการหาสาเหตุของปัญหาที่นักศึกษาจำเป็นต้องรู้จักคือ 7QC Tools ครับ
นักศึกษาต้องทบทวน 7 QC Tools เองนะครับ แต่หากไม่เข้าใจในเครื่องมือตัวไหนให้มาสอบถามอาจารย์ได้ (วท.บ. 3.43 ให้ถามท่านอาจารย์ว่าที่ร้อยตรีเชษฐ์ครับ)
---------------------------------------------
สัปดาห์นี้เราจะเรียนเครื่องมือพื้นฐานบางตัวสำหรับการเพิ่มผลผลิตกันครับ
จุดประสงค์คือเรียนเพื่อเป็น Idea สำหรับการเข้าไปแก้ปัญหาในสถานประกอบการ ดังนั้นเนื้อหาบางส่วนของบทนี้จะสามารถนำไปใช้ได้จริง
นักศึกษารุ่นที่แล้ว (วท.บ. 4.32 ที่ได้รับทุนวิจัย EnPUS) ก็มีการนำเครื่องมือบางตัวจากบทนี้ไปใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตมาแล้ว ซึ่งก็ได้รับคำชื่นชมจากคณะกรรมการ EnPUS ด้วย
เนื้อหาบทนี้บางส่วนไม่มีในหนังสือเรียนนะครับ
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนได้ที่นี่ -->http://www.savefile.com/files/1650556
นั่นคือ ณ วันนี้นักศึกษาน่าจะสามารถชี้ชัดได้แล้วว่ากระบวนใดหรือองค์ประกอบด้านใดของสถานประกอบการที่นักศึกษาเข้าไปทำรายงานนั้นเป็น "จุดอ่อน" ที่ต้องปรับปรุง
อาจารย์ได้ย้ำในคาบเรียนแล้วว่า เมื่อเราทราบว่าจุดอ่อนคืออะไรแล้ว สิ่งที่สำคัญคือนักศึกษาต้องวิเคราะห์เพื่อหา "สาเหตุ" ของจุดอ่อนนั้นๆ ให้ได้
การแก้ปัญหาที่สาเหตุถือเป็นสุดยอดของการแก้ปัญหานะครับ เพราะโอกาสที่ปัญหาจะกลับมาเกิดอีกจะมีน้อยมากๆ
แต่ถ้าเราสักแต่ว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไป มันจะเข้าทำนอง "เกาไม่ถูกที่คัน" นั่นคือนักศึกษาก็จะ "คัน" อยู่ร่ำไป ไม่หายคันสักที
เครื่องมือในการหาสาเหตุของปัญหาที่นักศึกษาจำเป็นต้องรู้จักคือ 7QC Tools ครับ
นักศึกษาต้องทบทวน 7 QC Tools เองนะครับ แต่หากไม่เข้าใจในเครื่องมือตัวไหนให้มาสอบถามอาจารย์ได้ (วท.บ. 3.43 ให้ถามท่านอาจารย์ว่าที่ร้อยตรีเชษฐ์ครับ)
---------------------------------------------
สัปดาห์นี้เราจะเรียนเครื่องมือพื้นฐานบางตัวสำหรับการเพิ่มผลผลิตกันครับ
จุดประสงค์คือเรียนเพื่อเป็น Idea สำหรับการเข้าไปแก้ปัญหาในสถานประกอบการ ดังนั้นเนื้อหาบางส่วนของบทนี้จะสามารถนำไปใช้ได้จริง
นักศึกษารุ่นที่แล้ว (วท.บ. 4.32 ที่ได้รับทุนวิจัย EnPUS) ก็มีการนำเครื่องมือบางตัวจากบทนี้ไปใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตมาแล้ว ซึ่งก็ได้รับคำชื่นชมจากคณะกรรมการ EnPUS ด้วย
เนื้อหาบทนี้บางส่วนไม่มีในหนังสือเรียนนะครับ
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนได้ที่นี่ -->http://www.savefile.com/files/1650556
วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551
บทบาทของผู้บริหารในการเพิ่มผลผลิต
ในการเพิ่มผลผลิตนั้น นอกจากเราจะใช้การวัด (ที่ได้เรียนไปเมื่อสัปดาห์ก่อน) มาวิเคราะห์ดูจนรู้แล้วว่าจะต้องปรับอย่างไร? และแม้ว่าเราจะเตรียมแนวทางในการปรับปรุงไว้แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปปรับเปลี่ยนอะไรในกระบวนการผลิตหรือบริการนะครับ
อย่างที่เคยบอกไปในคาบเรียนแรกๆ แล้วว่าคนเราส่วนใหญ่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
การที่เราจะไป "เปลี่ยน" อะไรบางอย่าง แน่นอนว่าต้องมี "แรงต้าน" บ้างไม่มากก็น้อย
ดังนั้นเรื่องของบทบาทและความรับผิดชอบของหัวหน้างานต่อการเพิ่มผลผลิตจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งครับ
สไลด์ของสัปดาห์นี้ดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับ --> http://www.savefile.com/files/1636579
อย่างที่เคยบอกไปในคาบเรียนแรกๆ แล้วว่าคนเราส่วนใหญ่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
การที่เราจะไป "เปลี่ยน" อะไรบางอย่าง แน่นอนว่าต้องมี "แรงต้าน" บ้างไม่มากก็น้อย
ดังนั้นเรื่องของบทบาทและความรับผิดชอบของหัวหน้างานต่อการเพิ่มผลผลิตจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งครับ
สไลด์ของสัปดาห์นี้ดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับ --> http://www.savefile.com/files/1636579
วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551
การวัดอัตราผลิตภาพ
"If you don't measure it, you can't manage it"......Dr. Edward Demimg
"เราจะไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย ถ้าเราไม่ได้ "วัด" มันเสียก่อน"
"เราจะไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย ถ้าเราไม่ได้ "วัด" มันเสียก่อน"
คำกล่าวข้างต้นเป็นของ ดร.เอ็ดเวิร์ด เดมมิ่ง เจ้าของวงจร PDCA ที่นักศึกษารู้จักกันดีครับ
สัปดาห์นี้เราจะเรียนเรื่องการ "วัด" การเพิ่มผลผลิต หรือการวัดอัตราผลิตภาพกันนะครับ
จริงๆ สูตรการวัดอัตราผลิตภาพมีเพียงสูตรเดียว ที่เราได้เรียนกันไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ นั่นคือ Output/Input
ปัญหาคือเราต้องนิยามว่า "อะไร" คือ Output และ "อะไร" คือ Input
ในหน่วยงานหรือวิสาหกิจหนึ่งๆ อาจมีตัวชี้วัดด้านอัตราผลิตภาพได้เป็นสิบเป็นร้อย ขึ้นอยู่กับว่าเราสนใจที่จะวัดอัตราผลิตภาพแบบไหน
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเราก็มักจะวัดอัตราผลิตภาพตามองค์ประกอบทั้ง 7 (QCDSMEE)และวัดในส่วนที่เราต้องการปรับปรุง
ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับคนที่จะลดน้ำหนักแข่งกันนั่นแหละครับ ก่อนแข่งกันก็ต้องมาชั่งน้ำหนักก่อนว่าใครหนักเท่าไหร่? แล้วก็ค่อยไปเข้าคอร์สของใครของมัน เมื่อครบเวลาก็มาชั่งน้ำหนักกันอีกครั้งว่าใครลดลงได้มากกว่ากัน
(ที่มา: http://www.sacred-heart.org/)
นักศึกษาสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนบทที่ 4 ได้ที่นี่ -->http://www.savefile.com/files/1623856
อย่าลืมดาวน์โหลดแบบฟอร์มขอหนังสืออนุญาตเข้าไปทำการศึกษา ณ วิสาหกิจด้วยนะครับ
วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551
หนังสือขอเข้าไปทำการศึกษางาน ณ สถานประกอบการ
นักศึกษาวิชาการเพิ่มผลผลิต (3.43, 4.26, 4.27 และ 38.4.6) ทุกกลุ่มโปรดทราบ
ให้หัวหน้ากลุ่มดาวน์โหลดแบบฟอร์มหนังสือขอเข้าไปทำการศึกษางาน ที่นี่ http://www.savefile.com/files/1622401
จากนั้นให้ดำเนินการดังนี้
1. กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน
2. หัวหน้าหมู่เรียนรวบรวมนำมาให้อาจารย์นัทธพงศ์เซ็นเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ภายในวันอังคารที่ 25 มิ.ย. 51
3. นำเอกสารที่มีลายเซ็นอาจารย์เรียบร้อยแล้วไปหา "พี่ตู่" ที่สำนักงานคณะ (ชั้นหนึ่ง)
4. ถามพี่ตู่ด้วยว่าให้มารับหนังสืออย่างเป็นทางการเมื่อใด?
5. ไปรับเอกสารจากพี่ตู่แล้วนำไปส่งสถานประกอบการ
6. ให้เจ้าของหรือหัวหน้าสถานประกอบการเซ็นอนุมัติแล้วขอสำเนาหนังสือที่มีลายเซ็นเจ้าของหรือหัวหน้าสถานประกอบการพร้อมข้อความว่าอนุมัติมาส่งที่อาจารย์
ทั้งหมดนี้ต้องเสร็จภายใน 15 ก.ค. 51 นะครับ
ให้หัวหน้ากลุ่มดาวน์โหลดแบบฟอร์มหนังสือขอเข้าไปทำการศึกษางาน ที่นี่ http://www.savefile.com/files/1622401
จากนั้นให้ดำเนินการดังนี้
1. กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน
2. หัวหน้าหมู่เรียนรวบรวมนำมาให้อาจารย์นัทธพงศ์เซ็นเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ภายในวันอังคารที่ 25 มิ.ย. 51
3. นำเอกสารที่มีลายเซ็นอาจารย์เรียบร้อยแล้วไปหา "พี่ตู่" ที่สำนักงานคณะ (ชั้นหนึ่ง)
4. ถามพี่ตู่ด้วยว่าให้มารับหนังสืออย่างเป็นทางการเมื่อใด?
5. ไปรับเอกสารจากพี่ตู่แล้วนำไปส่งสถานประกอบการ
6. ให้เจ้าของหรือหัวหน้าสถานประกอบการเซ็นอนุมัติแล้วขอสำเนาหนังสือที่มีลายเซ็นเจ้าของหรือหัวหน้าสถานประกอบการพร้อมข้อความว่าอนุมัติมาส่งที่อาจารย์
ทั้งหมดนี้ต้องเสร็จภายใน 15 ก.ค. 51 นะครับ
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ทำไมต้องจ่ายค่าหนังสือแพงขึ้น? หากไม่จ่ายภายในเดือนมิถุนายน
สัปดาห์นี้ (20 มิ.ย.) ห้องเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ฯ จะเรียนเรื่องต้นทุนกันครับ
มีศัพท์ด้านต้นทุนอยู่สองคำที่จะเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่าทำไมอาจารย์จึงกำหนดให้ค่าหนังสือให้แพงขึ้น หากเราไม่จ่ายภายในเดือนมิถุนายน?
ศัพท์ด้านต้นทุนคำแรกคือคำว่า "ต้นทุนจม" หรือ Sunk Cost
ส่วนคำที่สองคือคำว่า "ต้นทุนค่าเสียโอกาส" หรือ "Opportunities Cost"
ว่าแล้วอาจารย์ถามคำถามนี้เป็นปริศนาชิงรางวัลดีกว่า...
ใครตอบได้ว่า "ทำไมค่าหนังสือจึงแพงขึ้น หากเราไม่จ่ายก่อนเดือนมิ.ย." โดยคำตอบนั้นต้องเป็นคำตอบเชิงเศรษฐศาสตร์นะครับ อาจารย์จะมีรางวัลให้
ส่งคำตอบที่กล่องส่งการบ้านวิชา เศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมฯ ก่อนวันที่ 23 มิ.ย. 51
งานนี้ไม่จำกัดชั้นปีนะครับ ดังนั้นปีสองต้องรีบหน่อยนะครับ
มีศัพท์ด้านต้นทุนอยู่สองคำที่จะเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่าทำไมอาจารย์จึงกำหนดให้ค่าหนังสือให้แพงขึ้น หากเราไม่จ่ายภายในเดือนมิถุนายน?
ศัพท์ด้านต้นทุนคำแรกคือคำว่า "ต้นทุนจม" หรือ Sunk Cost
ส่วนคำที่สองคือคำว่า "ต้นทุนค่าเสียโอกาส" หรือ "Opportunities Cost"
ว่าแล้วอาจารย์ถามคำถามนี้เป็นปริศนาชิงรางวัลดีกว่า...
ใครตอบได้ว่า "ทำไมค่าหนังสือจึงแพงขึ้น หากเราไม่จ่ายก่อนเดือนมิ.ย." โดยคำตอบนั้นต้องเป็นคำตอบเชิงเศรษฐศาสตร์นะครับ อาจารย์จะมีรางวัลให้
ส่งคำตอบที่กล่องส่งการบ้านวิชา เศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมฯ ก่อนวันที่ 23 มิ.ย. 51
งานนี้ไม่จำกัดชั้นปีนะครับ ดังนั้นปีสองต้องรีบหน่อยนะครับ
วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ทฤษฎีต้นทุน
เศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมสัปดาห์นี้เราจะว่ากันด้วยเรื่องของทฤษฎีต้นทุนครับ
อ่ะ..เอาสไลด์ไปโหลดกันก่อน --> http://www.savefile.com/files/1612707
จริงๆ แล้วต้นทุนสามารถแบ่งออกได้หลายแบบตามแต่ละศาสตร์ที่จะเข้ามาจับนะครับ เช่นถ้าเป็นทางด้านบัญชีก็มักจะแบ่งต้นทุนออกเป็น ต้นทุนวัตถุดิบ, ต้นทุนแรงงาน และต้นทุนอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งต้นทุนออกเป็นแบบต่างๆ อีกมากมาย เช่น ต้นทุนแปรผัน ต้นทุนคงที่ ฯลฯ
สัปดาห์นี้มีคำนวณ อย่าลืมเอาเครื่องคิดเลขมานะครับ
อ่ะ..เอาสไลด์ไปโหลดกันก่อน --> http://www.savefile.com/files/1612707
จริงๆ แล้วต้นทุนสามารถแบ่งออกได้หลายแบบตามแต่ละศาสตร์ที่จะเข้ามาจับนะครับ เช่นถ้าเป็นทางด้านบัญชีก็มักจะแบ่งต้นทุนออกเป็น ต้นทุนวัตถุดิบ, ต้นทุนแรงงาน และต้นทุนอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งต้นทุนออกเป็นแบบต่างๆ อีกมากมาย เช่น ต้นทุนแปรผัน ต้นทุนคงที่ ฯลฯ
สัปดาห์นี้มีคำนวณ อย่าลืมเอาเครื่องคิดเลขมานะครับ
องค์ประกอบในการเพิ่มผลผลิต
แนวทางหนึ่งในการปรับปรุงงานทั่วๆ ไปคือการหาว่า จุดไหนหรือส่วนไหนขององค์กรที่มีปัญหาแล้วจึงทำการแก้ปัญหานั้น
สำหรับการเพิ่มผลผลิตนั้น เราใช้การวัดการเพิ่มผลผลิต (Productivity Measurement) เป็นการบอกว่าตรงไหนที่ต้องมีการปรับปรุงบ้าง
ทีนี้ เราจะวัดการเพิ่มผลผลิตได้ที่ไหน? วัดส่วนไหนขององค์กรบ้าง? ก็คงเป็นคำถามสำหรับนักศึกษาการเพิ่มผลผลิต
ในทางปฏิบัติแล้วเรามีหลักการง่ายๆ ว่าให้ไปพิจารณาดู "องค์ประกอบของการเพิ่มผลผลิต" ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบ 7 ตัวซึ่งมีผลต่อการเพิ่มผลผลิตทั้งสิ้น คือ
Q: Quality คุณภาพ
C: Cost ต้นทุน
D: Delivery การส่งมอบ
S: Safety ความปลอดภัย
M: Moral ขวัญและกำลังใจ
E: Environment สิ่งแวดล้อม
E: Ethics จริยธรรม
พูดง่ายๆ ว่า 7 อย่างนี้ ถ้ารู้ว่าอะไรเป็นจุดอ่อน ก็ดำเนินการปรับปรุงมันซะ รับรองได้ว่า Productivity เพิ่มขึ้นแน่นอน
สัปดาห์นี้ไม่มี Slide ให้ดาวน์โหลดครับ เนื่องจากอาจารย์ได้ทำการลบ Slide ที่จะสอนบทนี้ทิ้งไปด้วยความเบลอสุดๆ
โชคดีที่ยังมี Hard copy เหลืออยู่บ้าง ซึ่งเดี๋ยวจะให้หัวหน้าห้องไว้ แล้วนักศึกษาก็ยืมไปถ่ายเอกสารได้นะครับ
สำหรับการเพิ่มผลผลิตนั้น เราใช้การวัดการเพิ่มผลผลิต (Productivity Measurement) เป็นการบอกว่าตรงไหนที่ต้องมีการปรับปรุงบ้าง
ทีนี้ เราจะวัดการเพิ่มผลผลิตได้ที่ไหน? วัดส่วนไหนขององค์กรบ้าง? ก็คงเป็นคำถามสำหรับนักศึกษาการเพิ่มผลผลิต
ในทางปฏิบัติแล้วเรามีหลักการง่ายๆ ว่าให้ไปพิจารณาดู "องค์ประกอบของการเพิ่มผลผลิต" ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบ 7 ตัวซึ่งมีผลต่อการเพิ่มผลผลิตทั้งสิ้น คือ
Q: Quality คุณภาพ
C: Cost ต้นทุน
D: Delivery การส่งมอบ
S: Safety ความปลอดภัย
M: Moral ขวัญและกำลังใจ
E: Environment สิ่งแวดล้อม
E: Ethics จริยธรรม
พูดง่ายๆ ว่า 7 อย่างนี้ ถ้ารู้ว่าอะไรเป็นจุดอ่อน ก็ดำเนินการปรับปรุงมันซะ รับรองได้ว่า Productivity เพิ่มขึ้นแน่นอน
สัปดาห์นี้ไม่มี Slide ให้ดาวน์โหลดครับ เนื่องจากอาจารย์ได้ทำการลบ Slide ที่จะสอนบทนี้ทิ้งไปด้วยความเบลอสุดๆ
โชคดีที่ยังมี Hard copy เหลืออยู่บ้าง ซึ่งเดี๋ยวจะให้หัวหน้าห้องไว้ แล้วนักศึกษาก็ยืมไปถ่ายเอกสารได้นะครับ
วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551
หลักการเพิ่มผลผลิตเบื้องต้น
สัปดาห์นี้เราจะเรียนเรื่องหลักการเพิ่มผลผลิตเบื้องต้นกันนะครับ
นักศึกษาสามารถดาวน์โหลด Slide ได้ที่นี่ >http://www.savefile.com/files/1599336
อย่าลืมส่งรายชื่อกลุ่มและหัวข้อของ Term Paper ภายในสัปดาห์นี้นะครับ
นักศึกษาสามารถดาวน์โหลด Slide ได้ที่นี่ >http://www.savefile.com/files/1599336
อย่าลืมส่งรายชื่อกลุ่มและหัวข้อของ Term Paper ภายในสัปดาห์นี้นะครับ
วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2551
เครื่องคิดเลข
วันนี้บังเอิญว่าเจอนักศึกษาหลายห้องเลยได้คุยกันเรื่องเครื่องคิดเลข
เครื่องคิดเลขที่อาจารย์ใช้อยู่ปัจจุบัน คือ Casio fx5500 ซื้อเมื่อปีพ.ศ. 2538 ราคา 1,600 กว่าบาท
สมบุกสมบันมากว่า 13 ปี ปัจจุบันยังใช้การได้ดี ปุ่มกดต่างๆ ไม่มีเลือน
นศ.ปี 4 หลายคนเล่าให้ฟังว่าเครื่องคิดเลขของตัวเองซื้อมาใช้เพียงปีเดียวก็ "เดี้ยง" แล้ว น่าเสียดายที่อาจารย์จำรุ่นไม่ได้ จำได้แต่ราคาประมาณ 120 กว่าบาท
วันนี้อาจารย์เลยไปเดินสำรวจราคาเครื่องคิดเลข Casio (แท้) รุ่นราคาย่อมเยาที่ร้าน B2S สาขาโรบินสัน พบว่ามีเครื่องรุ่นที่น่าสนใจและราคาไม่สูงเกินไปนักอยู่สองรุ่นคือ Casio fx 115MS และ Casio fx 350MS ราคาประมาณ 300-400 บาท
ที่สำคัญคือถ้าเป็น Casio แท้ จะรับประกัน 2 ปีเต็ม
โดยหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ถ้านักศึกษารวบรวมจำนวนเครื่องที่ต้องการได้แน่นอนและมีปริมาณมากเพียงพอ เราน่าจะต่อรองกับผู้ขายให้ลดราคาลงได้อีกนะครับ (อาจารย์เชื่อว่าอาจจะได้ลดอีกประมาณเครื่องละ 20% หรือลดลงประมาณ 60-80 บาทเลยทีเดียว)
เครื่องคิดเลขเป็นอุปกรณ์สำคัญนะครับ นักศึกษาไม่ได้ใช้จนถึงแค่เรียนจบเท่านั้นแต่ได้เอาไปใช้ในการทำงานด้วยแน่ๆ เพราะฉะนั้นก็ตัดสินใจดีๆ ละกันครับ
วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ประกาศ วิชาเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม
สวัสดีครับนักศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมและทฤษฎีต้นทุน
เห็นชื่อวิชาแล้วเหนื่อยไหมครับ? (บางคนอาจบอกว่าเห็นชื่ออาจารย์ผู้สอนแล้วน่าจะเหนื่อยกว่า)
วิชานี้เทอม 1/2550 ลงทะเบียนเรียน 43 คน
เรียนๆไป ก็มีคนมาขอ Drop ไปซะ 10 คน ที่เหลือตัดสินใจ "สู้" ต่อ
ผลปรากฏว่ามีคนผ่าน (ได้เกรด A-D) ทั้งหมด 19 คน
คงไม่ต้องบอกชะตากรรมของอีก 14 คนที่ตัดสินใจ "สู้" ต่อในคราวนั้นนะครับ
............................
เพราะฉะนั้น โปรดตั้งใจเรียน ขยันทำแบบฝึกหัด และอย่าขาดเรียน
นำเครื่องคิดเลขมาด้วยทุกครั้ง เพราะนี่เป็นวิชาคำนวณนะครับ
หนังสือที่เราจะใช้คือ "เศรษฐศาสตร์วิศวกรรม" โดย อ.ไพฑูรย์ แย้มเผื่อน
นอกจากนี้ก็จะมีแบบฝึกหัดหรือเนื้อหาเพิ่มเติมที่อาจารย์จะพยายามหามาฝากเราอย่างเต็มที่ เพื่อให้เราเรียนอย่างสนุกสนาน
เอกสารประกอบการสอน นศ. สามารถดาวน์โหลดได้จาก Weblog นี้นะครับ อาจารย์จะนำมาลงไว้ให้ก่อนสอน 1-2 วัน
เอกสารประกอบการสอนบทที่ 1 ดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับ http://www.savefile.com/files/1589966
การบ้านวิชาจะนี้เยอะนิดนึง เพราะต้องการให้นักศึกษามีทักษะในการคำนวณเรื่องที่เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ ซึ่งต้องบอกว่าอย่าลอกกันมาส่ง เพราะมันไม่มีประโยชน์อันใดเลย
แล้วเจอกันในคาบเรียนครับ
ป.ล. สัปดาห์แรกเราเรียนเรื่องเศรษฐศาสตร์พื้นฐานกัน อาจารย์แนะนำให้ลองอ่านสไลด์ตามลิงก์นี้ดูนะครับ (เครดิตคุณสฤนี อาชวานันทกุล) http://www.fringer.org/wp-content/writings/econ-daily.ppt
เศรษฐศาสตร์ในชีวิตประจำวัน สไลด์ประกอบการบรรยาย ณ โรงเรียนวัดสุทธิวราราม วันที่ 29 มกราคม 2551
SlideShare Link
เห็นชื่อวิชาแล้วเหนื่อยไหมครับ? (บางคนอาจบอกว่าเห็นชื่ออาจารย์ผู้สอนแล้วน่าจะเหนื่อยกว่า)
วิชานี้เทอม 1/2550 ลงทะเบียนเรียน 43 คน
เรียนๆไป ก็มีคนมาขอ Drop ไปซะ 10 คน ที่เหลือตัดสินใจ "สู้" ต่อ
ผลปรากฏว่ามีคนผ่าน (ได้เกรด A-D) ทั้งหมด 19 คน
คงไม่ต้องบอกชะตากรรมของอีก 14 คนที่ตัดสินใจ "สู้" ต่อในคราวนั้นนะครับ
............................
เพราะฉะนั้น โปรดตั้งใจเรียน ขยันทำแบบฝึกหัด และอย่าขาดเรียน
นำเครื่องคิดเลขมาด้วยทุกครั้ง เพราะนี่เป็นวิชาคำนวณนะครับ
หนังสือที่เราจะใช้คือ "เศรษฐศาสตร์วิศวกรรม" โดย อ.ไพฑูรย์ แย้มเผื่อน
นอกจากนี้ก็จะมีแบบฝึกหัดหรือเนื้อหาเพิ่มเติมที่อาจารย์จะพยายามหามาฝากเราอย่างเต็มที่ เพื่อให้เราเรียนอย่างสนุกสนาน
เอกสารประกอบการสอน นศ. สามารถดาวน์โหลดได้จาก Weblog นี้นะครับ อาจารย์จะนำมาลงไว้ให้ก่อนสอน 1-2 วัน
เอกสารประกอบการสอนบทที่ 1 ดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับ http://www.savefile.com/files/1589966
การบ้านวิชาจะนี้เยอะนิดนึง เพราะต้องการให้นักศึกษามีทักษะในการคำนวณเรื่องที่เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ ซึ่งต้องบอกว่าอย่าลอกกันมาส่ง เพราะมันไม่มีประโยชน์อันใดเลย
แล้วเจอกันในคาบเรียนครับ
ป.ล. สัปดาห์แรกเราเรียนเรื่องเศรษฐศาสตร์พื้นฐานกัน อาจารย์แนะนำให้ลองอ่านสไลด์ตามลิงก์นี้ดูนะครับ (เครดิตคุณสฤนี อาชวานันทกุล) http://www.fringer.org/wp-content/writings/econ-daily.ppt
เศรษฐศาสตร์ในชีวิตประจำวัน สไลด์ประกอบการบรรยาย ณ โรงเรียนวัดสุทธิวราราม วันที่ 29 มกราคม 2551
SlideShare Link
วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ประกาศวิชาการเพิ่มผลผลิต
สัปดาห์แรกของการเรียนการสอน เรามีการปรับเวลากันเล็กน้อยนะครับ เพื่อให้ทุกหมู่เรียนได้เรียนอย่างเท่าเทียมกันซึ่งนศ.สามารถดูประกาศเวลาเรียนและห้องเรียน (สำหรับสัปดาห์นี้เท่านั้นนะครับ) ได้ที่บอร์ดกลางและหน้าห้องพักอาจารย์
วิชานี้มีคำนวณ เพราะฉะนั้นโปรดอย่าลืมพกเครื่องคิดเลขมาด้วยทุกครั้งที่เข้าเรียนนะครับ
นักศึกษาสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนได้ที่นี่ โดยอาจารย์จะนำมา Upload ไว้ล่วงหน้าประมาณ 1-2 วัน
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนบทที่ 1 ที่นี่ครับ http://www.savefile.com/files/1589959
วิชานี้มีคำนวณ เพราะฉะนั้นโปรดอย่าลืมพกเครื่องคิดเลขมาด้วยทุกครั้งที่เข้าเรียนนะครับ
นักศึกษาสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนได้ที่นี่ โดยอาจารย์จะนำมา Upload ไว้ล่วงหน้าประมาณ 1-2 วัน
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนบทที่ 1 ที่นี่ครับ http://www.savefile.com/files/1589959
วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551
เปิดเทอมใหม่ เปิด Blog ใหม่
ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นักศึกษาสับสนนะครับ แต่ Blog เดิมที่อาจารย์ใช้มีข้อด้อยคือเวลานักศึกษามาถามคำถามหรือ Comment อะไรเนี่ย มันจะไม่มีระบบแจ้งเตือนซึ่งกว่าอาจารย์จะรู้ว่าพวกคุณมาถามอะไร ก็อาจจะปาเข้าไปสัปดาห์หนึ่งหรือเดือนหนึ่งทีเดียว
แต่ข้อด้อยของ Blog นี้ก็มีนะ..คือมันไม่แยกหมวดของหัวข้อให้
อืมม..โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีจริงๆ นะครับเนี่ย
ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างจริงๆ เลย
แต่ข้อด้อยของ Blog นี้ก็มีนะ..คือมันไม่แยกหมวดของหัวข้อให้
อืมม..โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีจริงๆ นะครับเนี่ย
ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างจริงๆ เลย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)